Last updated: 15 พ.ย. 2565 | 508 จำนวนผู้เข้าชม |
เติมน้ำยาแอร์รถยนต์ หากพูดถึงสภาพอากาศบ้านเราตอนนี้ บอกได้เลยว่าร้อนแบบไม่มีที่ติจริงๆครับ หลายๆคนก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้อยู่กับแอร์เย็นๆ อย่างเช่น การได้นั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ หรือนั่งจิบกาแฟตามร้านคาเฟ่ต่างๆ
แต่ถ้าเกิดว่าเราจำเป็นต้องขับรถยนต์ออกไปข้างนอกในตอนที่แดดร้อนๆล่ะ ยิ่งถ้าขับอยู่ในเมืองที่รถติดแบบแออัดด้วยล่ะก็ ถ้าแอร์รถยนต์ไม่เย็นขึ้นมาก็คงทำให้เจ้าของรถหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
จะรู้ได้ยังไงว่า ตอนไหนต้องเติมน้ำยาแอร์ ?
อาการผิดปกติของแอร์รถยนต์ที่ผู้ใช้รถจะเริ่มรู้สึกได้เป็นอันดับแรกก็คือ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากช่องแอร์นั้นไม่มีความเย็นหรือเย็นน้อยมากแม้จะปรับอุณหภูมิให้ต่ำแล้ว ซึ่งต่างจากที่เคยเป็น
และจะยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนขึ้นด้วยในกรณีที่คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงานเลย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะส่งผลให้ลมจากช่องแอร์นอกจากจะไม่เย็นแล้วยังกลายเป็นลมร้อนอีกต่างหาก
วิธีเช็คอาการเบื้องต้น
อันดับแรกที่ควรจะต้องเช็คก่อนและสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ การตรวจสอบกรองอากาศแอร์ว่ามีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันหรือไม่ ถ้าหากพบว่ากรองแอร์สกปรกควรถอดมาเป่าหรือล้าง ทำความสะอาด
หรือเปลี่ยนใหม่จากนั้นหากตรวจสอบกรองอากาศแอร์เรียบร้อยแล้วยังมีอาการแอร์รถยนต์ไม่เย็นเหมือนเดิม แสดงว่าอาจจะเกิดปัญหาที่ส่วนอื่นของระบบ อย่างเช่น น้ำยาแอร์พร่องจากการรั่ว
หรือคอมเพรสเซอร์แอร์ พัดลมแอร์ไม่ทำงาน ซึ่งกรณีแบบนี้ควรนำรถไปให้ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมแอร์รถยนต์ที่ได้มาตรฐาน
สาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น
1.น้ำยาแอร์ขาด
แอร์ไม่เย็น สาเหตุแรกอาจเกิดจากปริมาณน้ำยาแอร์ที่ส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงดันเข้าสู่แผงคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย ทำให้ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เข้าไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารได้ในปริมานน้อย
ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารยังคงมีอากาศร้อนอยู่
อาจเกิดได้จากการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ได้เติมน้ำยาแอร์ทำให้น้ำยาแอร์เหลือน้อย หรือเกิดจากการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ในระบบ ซึ่งควรรีบแก้ไขทันที อย่าฝืนเปิดแอร์เพราะอาจทำให้มีผลเสียมากขึ้น
2.กรองแอร์รถยนต์อุดตัน
สาเหตุเบื้องต้นที่สุดที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นก็คือ การอุดตันของระบบระบายอากาศ ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่กรองอากาศแอร์ที่สกปรกจากฝุ่น หรืออาจจะมีคราบสกปรก คราบเชื้อรา ทำให้ช่องแอร์อุดตัน
ส่งผลให้ระบบปรับอากาศในรถทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีลักษณะของกลิ่นอับที่รู้สึกได้ชัดเจนขึ้นด้วย
3.ระบบไฟไม่ทำงาน
อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่คาดคิดแต่ก็อาจเกิดขึ้นได้และมีส่วนที่ทำให้แอร์ในรถของคุณไม่เย็นหรือหยุดทำงานคือ ไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในรถที่มีอายุการใช้งานมานาน
และยิ่งถ้าอุณหภูมิภายนอกมีแนวโน้มสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส ก็เพียงพอที่จะทำให้สายไฟเกิดความร้อนและลัดวงจรได้
4.แผงคอยล์แอร์แตกหรือหัก
แผงคอยล์แอร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณพัดลมระบายความร้อนในห้องเครื่องนั้นมีหน้าที่สำคัญในการระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ ทำให้ภายในห้องโดยสารเกิดความเย็น หากมีสิ่งอุดตันและมีฝุ่นหรือแผงคอยล์เกิดการหักหรือชำรุด
อาจทำให้การระบายอากาศไม่ดีและเกิดความร้อนขึ้นได้ อากาศร้อนที่พัดผ่านช่องระบายอากาศภายในรถของคุณตลอดเวลาอาจทำให้คอนเดนเซอร์เสียหายได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง
5.คอมเพรสเซอร์แอร์อาจมีปัญหา
คอมเพรสเซอร์มีหน้าที่สำคัญที่ทำให้อากาศภายในรถเกิดความเย็น ซึ่งถ้าหากตัวคอมเพรสเซอร์มีปัญหาเกิดการขัดข้องหรือมีการทำงานที่ผิดปกติก็อาจทำให้แอร์ในรถไม่เย็นได้
ส่วนอาการของคอมเพรสเซอร์เสียนั้นมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน เช่น คลัตช์คอมเพรสเซอร์ทำงานขัดข้อง, ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวม, สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อน หรือคอมเพรสเซอร์มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน
6.ฟิวส์ชำรุด
บางทีปัญหาแอร์ไม่เย็นอาจเกิดจากจุดเล็ก ๆ ที่เราคาดไม่ถึงอย่างฟิวส์เสียหรือฟิวส์ไหม้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของแอร์รถยนต์ ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน
และหากไม่รีบทำการแก้ไขเปลี่ยนฟิวส์ใหม่ยังอาจส่งผลต่อแผงวงจรไฟอื่น ๆ ภายในรถได้
7.พัดลมแอร์เสีย
พัดลมแอร์มีหน้าที่ส่งลมผ่านเข้ามาทางช่องแอร์หากความเย็นภายในห้องโดยสารลดลง มีความแรงของลมที่เบา พัดลมแอร์คืออุปกรณ์หนึ่งที่ต้องตรวจเช็กว่ายังทำงานปกติหรือเปล่า
ในรถเก่าที่ใช้งานมาเป็นเวลานานมอเตอร์พัดลมอาจเสื่อมได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันทำให้พัดลมแอร์หมุนได้ไม่เต็มที่
25 พ.ย. 2565
28 พ.ย. 2565